วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

(พระมหาอุปราชารำพึงถึงพระบิดา)

๒๑(๑๕o)                สระเทินสระทกแท้               ไทถวิล อยู่เฮย
                  ฤๅใคร่คลายใจจินต์                           จืดสร้อย
                 คำนึงนฤบดินทร์                                 บิตุเรศ พระแฮ
                 พระเร่งลานละห้อย                             เทวษไห้โหยหา

๒๒(๑๕๑)              อ้าจอมจักรพรรดิผู้                 เพ็ญยศ
                แม้พระเสียเอารส                                 แก่เสี้ยน
                จักเจ็บอุระระทด                                   ทุกข์ใหญ่ หลวงนา
                ถนัดดั่งพาหาเหี้ยน                               หั่นกลิ้งไกลองค์

๒๓(๑๕๒)             ณรงค์นเรศวร์ด้าว                   ดัสกร
                ใครจักอาจออกรอน                             รบสู้
                เสียดายแผ่นดินมอญ                           พลันมอด ม้วยแฮ
                เหตุบ่มีมือผู้                                          อื่นต้านทานเข็ญ

๒๔(๑๕๓)            เอ็นดูภูธเรศเจ้า                        จอมถวัลย์
                  เปลี่ยวอุระราชรัน-                               ทดแท้
                 พระชนม์ชราครัน                                  ครองภพ พระเอย
                 เกรงบพิตรจักแพ้                                   เพลี่ยงพล้ำศึกสายม

๒๕(๑๕๔)             สงครามครานี้หนัก                   ใจเจ็บ ใจนา
                  เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ                     อกโอ้
                  ลูกตายฤใครเก็บ                                   ผีฝาก พระเอย
                  ผีจักเท้งที่โพล้                                     ที่เพล้ใครเผา

๒๖(๑๕๕)             พระเนานัคเรศอ้า                     เอองค์
                  ฤๅบ่มีใครคง                                       คู่ร้อน
                  จักริจักเริ่มรงค์                                    ฤๅลุ แล้วแฮ
                  พระจักขุ่นจักข้อน                               จักแค้นคับทรวง

๒๗(๑๕๗)             พระคุณตวงเพียบพื้น                ภูวดล
                  เต็มตรลอดแหล่งบน                             บ่อนใต้
                  พระเกิดพระก่อชนม์                              ชุบชีพ มานา
                  เกรงบ่ทันลูกได้                                     กลับเต้าตอบสนอง


ถอดความ

พระองค์อดที่จะหวั่นในพระทัยไม่ได้ด้วยเกรงพ่ายแพ้ข้าศึก ด้วยความหมกมุ่นในพระทัยก็ทรงระลึกถึงพระราชบิดาว่าถ้าพระองค์เสียโอรสให้แกข้าศึก จะต้องโทมนัสใหญ่หลวง เพราะเปรียบเหมือนพระองค์ถูกตัดพระพาหาทั้งสองข้างทีเดียว

การรบกับพระนเรศวรใครก็ไม่อาจจะต่อสู้ได้ เสียดายแผ่นดินมอญจะต้องพินาศเพราะไม่มีใครอาจจะต่อสู้ต้านทาน
สงสารสมเด็จพระราชบิดา ที่จะต้องเปล่าเปลี่ยวพระทัย ทั้งพระองค์ก็ทรงชราภาพมากแล้ว เกรงจะพ่ายแพ้เสียทีแก่ชาวสยาม
สงครามครั้งนี้หนักใจนัก เรารู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ ลูกตายใครจะเก็บผีไปให้ คงจะถูกทิ้งอยู่ไม่มีใครเผา พระองค์จะอยู่ในพระนครแต่ลำพังพระองค์เดียว ไม่มีใครเป็นคู่ทุกข์ริเริ่มสงครามเพียงลำพังได้อย่างไร พระองค์คงจะต้องคับแค้นพระทัย

9 ความคิดเห็น: